ขั้นตอนวิธีการทำ

การทำโอ่งมังกรมีด้วยกัน  5  ขั้นตอน



ขั้นตอนที่  1       การเตรียมดิน  เนื้อดินสีน้ำตาลแดงที่ได้จากท้องนาทั่วไปในจังหวัดราชบุรีเป็นเนื้อดินเหนียวที่มีคุณภาพดีเยี่ยม  มีความละเอียดเหนียวเกาะตัวกันได้ดีนำมาหมักไว้ในบ่อดิน  แช่น้ำทิ้งไว้  1  สัปดาห์เพื่อให้น้ำซึมเข้าในเนื้อดินให้ดินอ่อนตัวทั่วถึงกันและเป็นการทำความสะอาดดินไปในตัวด้วย  หลังจากนั้นตักดินขึ้นมากองไว้  แทงหรือตักดินด้วยเหล็กลวดให้เป็นก้อน  นำเข้าเครื่องโม่หรือเครื่องนวดเพื่อให้เนื้อดินเข้ากัน  แล้วใช้เหล็กลวดหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  ลวดตัวเก็ง  ตักดินที่โม่แล้วให้เป็นก้อนมีขนาดเหมาะพบกับการปั้นงานแต่ละชิ้นนำมานวด  โดยผสมทรายละเอียดเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้โอ่งมังกรมีเนื้อที่แกร่งและคงทนยิ่งขึ้น


ขั้นตอนที่  2      
  การขึ้นรูปหรือการปั้น  แบ่งออกเป็นสามส่วน  คือ
         ส่วนขาหรือส่วนกัน  โดยการนำดินที่ผ่านการนวดให้เป็นเส้นแล้วมีความยาวประมาณ  30  เซลติเมตร  วางลงบนแผ่นไม้  ซึ่งวางบนแป้น  ก่อนวางต้องใช้ขี้เถ้าโยเสียก่อนเพื่อไม่ให้ดินติดกับแผ่นไม้และสะดวกต่อการยกลง  เนื้อดินส่วนนี้มีลักษณะเป็นก้อนกลมหรือก้อนสี่เหลี่ยมแผ่ออกเป็นวงกลม  เส้นผ่าศูนย์กลางตามขนาดของโอ่งที่ต้องการ  จากนั้นนำดินเส้นมาวางต่อกันเป็นชั้นเรียนกว่า  การต่อเส้น  เมื่อปั้นตัวโอ่งและยกลงจากแป้นแล้ว  ตบแต่งผิวด้านนอกและ  ด้านใน  โดยการขูดดินที่ไม่เสมอกันออกให้ผิวเรียบ  แล้วใช้ลูบเพื่อให้ผิวเนียนอีกครั้งหนึ่ง
          ส่วนลำตัว  นำตัวขาหรือส่วนก้นที่แห้งพอหมาดมาวางบนแป้นที่มีขนาดเตี้ยกว่าแป้นที่ปั้นส่วนขา  ตบแต่งผิวอีกครั้งด้วยฮุยหลุบและไม้ตี  นำดินเส้นมาวางต่อกันเป็นชั้นสำหรับส่วนสำตัวทำนองเดียวกับส่วนขา  วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางให้ได้ตามต้องการ  ใช้ไม้ต๊าขุดดินและแต่งผิวให้เรียบ  ทิ้งไว้พอหมาด
         ส่วนปาก  ลักษณะการต่อเส้นคล้ายกับสองส่วนแรก  แป้นมีขนาดเตี้ยลงอีกก่อนจะต่อเส้นต้องตบแต่งผิวส่วนลำตัวและส่วนขาด้วยไม้ต๊าเสียก่อน  ใช้ดินเส้นประมาณห้าเส้นวัดความสูงได้ประมาณ  70  เซนติเมตร  ใช้พองน้ำลูบผิวให้เรียบ  จากนั้นใช้ผ้าด้ายดิบชุบน้ำลูบส่วนบน  พร้อมกับบีบหรือกดให้ขึ้นเป็นรูปขอบปากโอ่ง  ใช้ไม้ต๊าตบแต่งให้เรียบเสมอกันอีกครั้งหนึ่ง  ยกไปวางผึ่งให้เป็นระเบียบ  เพื่อรอการทำในขั้นต่อไป  สำหรับการยกลงจากแป้นนั้นต้องใช้ช่างปั้นสองคนช่วยกันยกด้วยเชือกหาม  เป็นเชือกที่นำมามัดไขว้กันเป็นวงกลมให้มีขนาดเท่ากับตัวโอ่งพอดี  ปล่อยปลายยาวทั้งสองด้านสำหรับจับยกหาม  สำหรับส่วนปากซึ่งทำไว้เป็นจำนวนมากนั้น  ถ้าทิ้งไว้นานก่อนถึงขั้นตอนการเขียนลายจะทำให้แห้งเกินไป  จึงต้องทำให้อยู่ในสภาพเปียกหมาดๆ  อยู่เสมอ  โดยใช้พลาสติกคลุมไว้  การขึ้นรูปโอ่งแต่ละใบใช้เวลาประมาณ   20 - 30 นาที          
       
  หลังจากขึ้นรูปหรือปั้นเสร็จแล้วขั้นตอนต่อมาก็คือ   การทุบโอ่ง
การทุบโอ่ เมื่อช่างปั้นโอ่งทั้ง 3 ส่วนเสร็จเป็นรูปร่างแล้วก็ส่งต่อไปให้  แผนกช่างทุบตบแต่งโอ่ง เพื่อให้โอ่งนั้นเรียบ และได้รูปทรงที่ดีและสวยงามเครื่องมือที่ใช้ 2 ชนิด คือ ฮวยหลุบ และไม้ตีด้านนอกโอ่ง



ขั้นตอนที่  3       การเขียนลาย  ก่อนที่จะนำโอ่งมาเขียนลาย  ต้องตบแต่งผิวให้เรียบเสียก่อนด้วยฮุ่ยหลุบและไม้ตี  โอ่งที่ตบแต่งผิวเรียบร้อยแล้วจะต้องนำมาเขียนลายทันทีเพราะถ้าทิ้งไว้เนื้อดินจะแห้งทำให้เขียนลายไม่ได้  สำหรับแป้นที่ช่างใช้เขียนลายนั้นจะต้องเป็นแป้นไม้หมุน  ขณะเขียนลายลงบนตัวโอ่งช่างจะใช้เท้าถีบที่แกนหมุนไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะเขียนเสร็จ  วัสดุที่ใช้เขียนลายเป็นดินเนื้อละเอียดผสมกับดินขาวเรียกว่า  ดินติดดอก  มีสีนวล  ดินขาวนั้นได้มาจากจังหวัดจันทบุรีหรือสุราษฎร์ธานี  ซึ่งมีคุณภาพดี  เหมาะสำหรับการนำมาเป็นดินติดดอกบนตัวโอ่งราชบุรี  ช่างเขียนลายจะใช้ดินสีนวลนี้ปาดด้วยมือเป็นเส้นเล็กๆ  รอบตัวโอ่งแบ่งเป็นสามตอนหรือสามช่วง  คือช่วงปากโอ่งลำตัวและส่วนเชิงล่างของโอ่ง  ในแต่ละตอนแตะละช่างจะมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน
                ช่วงปากโอ่ง  นิยมเขียนลายดอกไม้  หรือลายเครือเถา  ใช้วีที่เรียกว่าพิมพ์ลาย  นำกระดาษฉลุลายวางทาบบนโอ่งแล้วปาดด้วยดินติดดอก  ใบหนึ่งๆ  จะมีประมาณ  4  ช่วงตัวแบบ
                ช่วงลำตัว  นิยมเขียนรูปมังกรมีทั้งมังกรดั้นเมฆ  มังกรคาบแก้ว  และมังกรสองตัวเกี่ยวกัน  ช่างเขียนลายจะเป็นผู้ที่ชำนาญมาก  ปาดเนื้อดินด้วยหัวแม่มือเป็นรูปร่างมังกรอย่างคร่าวๆ  โดยไม่ต้องมีแบบร่างก่อน  จากนั้นจะใช้ปลายหวีขีดเป็นตัวมังกรใช้ซี่หวีตกแต่งเป็นส่วนหนวด  นิ้วและเล็บสำหรับเกล็ดมังกรใช้สังกะสีที่ตัดปลายหยักไปมาบนตัวมังกร  และเน้นส่วนลูกตาของมังกรให้มีความนูนเด่นออกมา
                ช่วงเชิงล่างของโอ่ง  ใช้วิธีการติดลายคล้ายกับส่วนปาก  จากนั้นใช้น้ำลูบที่ลายทั้งหมด  เพื่อให้ลายมีผิวเรียบเสมอกันและลื่น  เป็นการเตรียมสู่ขั้นตอนการเคลือบและเผาต่อไปโอ่งแต่ละใบช่างผู้ชำนาญจะใช้เวลาการเขียนลายประมาณ  10  นาที


ขั้นตอนที่  4        การเคลือบ  น้ำยาที่ใช้ในการเคลือบเป็นส่วนผสมของขี้เถ้าและน้ำโคลนหรือเลนและสีเล็กน้อย  ซึ่งเป็นสีที่ได้จากออกไซด์ของเหล็ก  ส่วนใหญ่มีสีน้ำตาลเข้มการเคลือบจะนำโอ่งไปวางหงายในกระทะขนาดใหญ่  หรือกระทะในบัว  ใช้น้ำยาเคลือบเทราดให้ทั่วทั้งด้านในและด้านนอก  แล้วจึงนำไปวางผึ่งลมไว้  โอ่งที่เคลือบน้ำยานั้น  นอกจากจะทำให้เกิดสีสันสวยงานเป็นมันเมื่อเผาแล้ว  ยังช่วยในการสมานรอยต่างๆ  ในเนื้อดินให้เข้ากัน  เมื่อนำไปใส่น้ำจะไม่ทำให้น้ำซึมออกมาด้านนอกด้วย



 ขั้นตอนที่  5        การเผา  เตาเผาโอ่งมังกรเรียกว่า  เตาจีนหรือเตามังกง   ก่อด้วยอิฐทนไฟเป็นรูปยาว  ด้านหัวเตาเจาะเป็นช่องประตูสำหรับเป็นทางลำเลียงโอ่งและภาชนะดินเผาอื่นๆ  ด้านบนของเตาทั้งสองด้านเจาะรูเป็นระยะ  เรียกว่า  “ตา”  เพื่อใช้ใส่เชื้อเพลิงคือฟืนปัจจุบันใช้ฟืนไม้กระถิน  ลักษณะของเตามังกรนี้ด้านหนึ่งอยู่ระดับเดียวกับพื้นดินใช้เป็นหัวเตาสำหรับก่อไฟ  อีกด้านหนึ่งสูงกว่าเพราะต้องทำให้ตัวเตาเอียงลาด  เป็นส่วนก้นของเตา  ใช้เป็นปล่องระบายควัน



 ก่อนการสำเลียงโอ่งเข้าเตาเผา  ต้องเกลี่ยพื้นเตาในให้เรียบเสมอกันก่อนแล้วจึงจัดวางโอ่งให้เป็นระเบียบ  การวางโอ่งซ้อนกันจะมีแผ่นเคลือบเรียนว่า  “กวยจักร”  เป็นตัวรองไว้  นอกจากตัวโอ่งแล้วถ้ายังมีที่ว่างเหลือก็จะนำไห  ชาม  กระถาง  ที่มีขนาดเล็กมาวางเผาพร้อมกัน  สำหรับภาชนะขนาดเล็กมีดินรองที่ปากซึ่งเป็นดินเหนียวผสมทราย  เมื่อลำเลียงโอ่งเข้าประตูเตาแล้ว  ก่อนเผาจะต้องใช้อิฐปิดทางให้มิดชิด  เพื่อมิให้ความร้อนระบายออกได้  เตาขนาดใหญ่สามารถจุโอ่งได้คราวละ  300 - 400  ใบ  หรือสามารถนำออกบรรทุกรถขนาดใหญ่ได้เตาละ  5  คัน


 การจุดไฟต้องเริ่มจุดที่หัวเตาก่อน  เมื่อติดดีแล้วทยอยใส่ฟืนที่ช่องเตาทั้งสองด้าน  ความร้อนในเตาต้องมีอุณหภูมิถึง  1,000 องศา  การดูว่าโอ่งนั้นเผาสุกได้ที่หรือยังต้องดูตามช่องใส่ฟืนและต้องดูจากชั้นต่ำสุดก่อน  หากยังไม่สุกดีก็ต้องเติมไฟลงไปอีก  ถ้าสุกดีแล้วก็ใช้อิฐปิดช่องนั้น  และดูช่องถัดไปตามลำดับด้วยวิธีเดียวกัน  จนกว่าจะสุกทั่วทั้งเตาจึงเลิกใส่ฟืน  แล้วปล่อยให้ไฟดับเอง  ทิ้งไว้ประมาณ  10 - 12 ชั่วโมง  ความร้อยในเตาจะค่อยลดลงจนสามารถเปิดช่องประตูเตานำโอ่งออกมาได้




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น